โรงงานรับผลิตลิปสติก พร้อมดีลที่ดีที่สุด

• ลิปสติกเนื้อครีม

มีลักษณะเป็นเนื้อครีมเนียนนุ่ม ทาแล้วหากไม่รู้สึกแห้งจนเกินไป มีความมันนิด ๆ เห็นสีชัดเจน

• ลิปสติกเนื้อเชียร์และเนื้อซาติน

มีลักษณะคล้ายเนื้อครีมแต่จะมีเม็ดสีที่บางเบากว่าและไม่มันวาวเท่า สีจะอ่อน ๆ ดูเป็นธรรมชาติ

• ลิปสติกเนื้อแมตต์

มีลักษณะเนื้อครีมที่ทาแล้วไม่มัน ทาแล้วแห้งมีความแมตต์ เม็ดสีแน่น ทาแล้วได้สีชัดเจนที่สุดในบรรดาลิปสติกทุกรูปแบบ

• ลิปสติกให้ความวาว

เนื้อลิปสติกจะผสมกลิตเตอร์นิด ๆ ให้ความมันวาว แต่ไม่เท่าลิปกลอส ทำให้ยังเห็นเม็ดสีชัดเจนอยู่

• ฟรอสตี้ ลิปสติก

ลิปสติกเนื้อสีเข้มข้น มีประกายมุก แต่ไม่มันวาวจนเกินไป ทำให้ริมฝีปากดูโดดเด่น

• 6. ลิควิค ลิปสติก

หรือที่เรียกกันว่า “ลิปจุ่ม” ที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้ เนื้อลิปสติกจะมีความเหลว เม็ดสีชัดเจน ทาแล้วจะไม่แมตต์เท่าแบบลิปแมตต์ แต่ยังคงให้ความชุ่มชื้นคล้าย ๆ ลิปสติกเนื้อครีม

• ลิปไลเนอร์

มีลักษณะเป็นแท่งดินสอ ไว้ใช้สำหรับเขียนขอบปาก ให้มีความคมมากยิ่งขึ้นก่อนลงลิปสติก มักใช้คู่กับสีลิปสติกที่ใกล้เคียงกัน

• ทินท์

เป็นลิปสติกชนิดเนื้อเหลวคล้ายกับน้ำ ใช้สำหรับทา หรือแต้มเพื่อช่วยเพิ่มสีสันให้กับริมฝีปากแบบดูเป็นธรรมชาติ

• ลิปกลอส

ลิปสติกชนิดเนื้อเหลว โปร่งแสง บางแบรนด์ใส่กลิตเตอร์เข้าไปด้วย สามารถใช้คู่กับลิปสคิกประเภทอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติทาแล้วแห้ง เพื่อเพิ่มความมันวาว

• ลิปบาล์ม

ลิปสติกประเภทนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีสี หรือเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย เน้นทาเพื่อการบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก

ลิปสกิดนั้นมีส่วนผสมพื้นฐานด้วยกัน 3 อย่าง ดังนี้

1. น้ำมัน (Oil)

ทำหน้าที่เหมือนกับเหมือนกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ดูแลริมฝีปากให้ชุ่มชื้น เพิ่มสัมผัสนุ่มลื่นให้กับลิปสติก รวมถึงช่วยผสานส่วนผสมอื่น ๆ ให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน โดยน้ำมันที่นิยมใช้กัน มีดังนี้

• น้ำมันโจโจ้บา (Jojoba Oil)

น้ำมันสารพัดประโยชน์ในวงการเครื่องสำอาง ได้จากการสกัดเมล็ดของโจโจ้บา มีคุณสมบัติเป็นผู้ช่วยบำรุงผิว ลดเลือนริ้วรอย กักเก็บความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

• น้ำมันลาโนลิน (Lanolin oil)

เป็นน้ำมันที่ได้จากการสัดขนแกะ ช่วยทำให้ผิวนุ่มนิ่ม เติมความชุ่มชื่น ม่เหนียวเหนอะหนะ ซึบซาบเข้ากับผิวหนังได้ง่าย

• น้ำมันแคสเตอร์ (Castor oil)

เป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดเมล็ตละหุ่ง ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ริมฝีปากนุ่มนวลสุขภาพดี ทั้งยังทำให้เนื้อลิปเกาะตัวกันได้ดีอีกด้วย

2. แว็กซ์ (Wax)

เป็นส่วนผสมสำคัญที่ช่วยขึ้นรูปกลายเป็นแท่งและคงตัวอยู่ในแพ็กเกจ ทำให้เนื้อลิปสติกเกาะตัวเข้ากัน แว็กซ์ที่นิยมใช้ ดังนี้

• ขี้ผึ้ง (Beeswax)

มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อนุ่ม ช่วยในเรื่องของการดูดซับน้ำมัน เพิ่มความนุ่มชุ่มชื้น แต่ละลายง่าย จึงมากนิยมพสมกับแว๊ซ์ตัวอื่น ๆ หากต้องการอัดเป็นแท่ง

• แคนเดลลิลลา แว็กซ์ (Candelilla Wax)

สกัดจากต้นแคนเดลลิลลา มีเนื้อเป็นสีเหลืองน้ำตาล โปรงแสง นิยมใช้กับลิปสติกที่ต้องการเนื้อเงางาม หรือมันวาว

• คาร์นูบา แว็กซ์ (Carnauba Wax)

สกัดจากต้นปาล์มพื้นเมืองของประเทศบราซิล สามารถทนความร้อนได้ดี มักใช้กับลิปสติกอัดแท่ง

3. สีย้อม (Dye)

ใช้เพื่อแต่งเติมสีลิปสติก มักใช้สีสีประเภทเดียวกับที่ใช้ทำอาหาร หรือไม่ก็สีสังเคราะห์จากธรรมชาติเสียส่วนใหญ่ สามารถแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ สีสกัดจากผักและผลไม้ ,สีสกัดจากดอกไม้ และสีสกัดจากแมลงและสัตว์

1. สารกลุ่มเรตินอยด์ส์ (Retinoids)

เป็นสารที่มีปฏิกิริยาต่อแสงแดด ส่งผลร้ายต่อ DNA ในร่างกาย ทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังได้

2. สารกันเสีย

สารในกลุ่มนี้หากใช้ในระยะยาวอาจส่งผลให้อวัยวะภายในร่างกายเสี่ยงเป็นพิษเรื้อรัง ตามมาด้วยอาการปวดหัว อาเจียน และหายใจไม่ออก

3. ตะกั่ว (Lead) และ ปรอท (Mercury)

เป็นสารที่ทำให้เสี่ยงเกิดมะเร็ง ทำลายระบบประสาท ลดการทำงานของไต และมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า นอกจากนี้สตรีมีครรภ์ห้ามใช้เพราะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์

4. สารสกัดจากน้ำมันในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม

แม้จะช่วยให้ความชุ่มชื้น และช่วยผสมเนื้อของลิปสติกให้เข้ากันดีต่มีสารเสี่ยงอันตรายอย่าง PAHs ที่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน และระคายเคืองผิว

5. สารสังเคราะห์วิตามินอี (Tocopheryl Acetate)

สารตัวนี้อาจไม่มีผลจต่อสุขภาพ แต่ถ้าใช้บ่อย ๆ ในระยะยาวอาจะทำให้เกิดความระคายเคือง แห้งแตก และริมผีปากเป็นขุยได้